Conventure  รับสร้างบ้านสวย คุณภาพคุ้มค่า ราคายุติธรรม

23 NOV
ความสัมพันธ์ของ บริษัทสร้างบ้าน และ สถาปนิก

ความสัมพันธ์ของ บริษัทสร้างบ้าน และ สถาปนิก

 

 

การสร้างบ้านเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของชีวิต เจ้าของบ้านจึงมีความต้องการสร้างบ้านที่เป็นดั่งใจและใช้งานได้จริงตามจุดประสงค์การใช้บ้าน ในมุมมองของการสร้างบ้านนั้นสถาปัตยกรรมถือว่าเป็นการทำงานร่วมกันที่สำคัญที่ต้องการความแม่นยำในการคำนวณ ความสร้างสรรค์ ประสบการณ์การใช้งานที่ดีและทำให้ภาพฝันของลูกค้าเกิดขึ้นได้จริง บริษัทสร้างบ้านจึงจำเป็นต้องทำงานร่วมกับสถาปนิกเพื่อออกแบบบ้านให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม งบลงทุน และ จุดประสงค์การใช้บ้าน

 

สถาปนิกมีหน้าที่อะไร ทำงานร่วมกับบริษัทสร้างบ้านอย่างไร 

 

สถาปนิก ( Architect ) คือ บุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และ วางแผน ในการก่อสร้าง หรือที่เรียกว่างานสถาปัตยกรรม โดยสถาปนิก จะเป็นผู้ที่เข้าใจในมาตรฐานการก่อสร้างของอาคาร เข้าใจถึงหน้าที่ใช้สอยของอาคารนั้น รวมถึงวัสดุที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบของสิ่งก่อสร้างนั้น สถาปนิกจึงเข้ามาเป็นหนึ่งตำแหน่งที่ต้องทำงานร่วมกับบริษัทสร้างบ้านเพื่อให้สามารถมอบงานที่มีคุณภาพและความปลอดภัยให้กับลูกค้าได้จริงๆ โดยหน้าที่หลักๆที่สถาปนิกต้องทำร่วมกับบริษัทสร้างบ้าน คือ

  • ดีไซน์ การจัดวางการตกแต่งภายในและภายนอกบ้าน : หน้าที่สำคัญที่สุดของสถาปนิกคือการออกแบบดีไซน์จากโจทย์ที่ได้รับการสื่อสารมาจากลูกค้า โดยวางแผนจากทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น ขนาดที่ดิน พื้นที่ใช้สอย โซนธรรมชาติสีเขียว ความต้องการประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า ธีมบ้านที่ต้องการ หลังจากนั้นศึกษาข้อมูลและนำเสนอแบบเป็นภาพออกแบบเพื่อให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นร่วมกัน

  • จากแนวคิดสู่ความเป็นจริง สร้างประสบการณ์ที่เป็นดั่งต้องการ : ความรับผิดชอบของสถาปนิกนั้นมากกว่าแค่การจัดแต่งดีไซน์ให้สวยงาม แต่เป็นการช่วยเจ้าของบ้านจินตนาการบ้านในฝันที่เป็นไปได้จริง สร้างคอนเซปต์คร่าวๆออกมาว่าเป้าหมายคืออะไร โดยเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นไปได้จริงกับจินตนาการที่ต้องการให้อยู่ตรงกลางและสมเหตุสมผล

  • ควบคุมงบประมาณ : สถาปนิกควรประเมินงบประมาณในการสร้างบ้านอย่างรอบคอบ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น พื้นที่ใช้สอย รูปแบบของบ้าน วัสดุก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งก่อนการจะประเมินนั้นต้องมีการจัดตั้งงบประมาณที่ลูกค้าสามารถรับได้และจ่ายไหวก่อน เพื่อเป็นการออกแบบค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับงบประมาณ หลังจากนั้นสามารถเสนอทางเลือกให้ลูกค้า ในบางส่วนที่ไม่จำเป็นก็สามารถ เป็นทางเลือกให้กับเจ้าของบ้าน

  • การสื่อสารความคาดหวังของลูกค้า : สถาปนิกควรรับฟังบรีฟงานและสิ่งที่ลูกค้าต้องการและจับใจความให้ได้ เพราะว่าหากไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างแท้จริง ก็จะทำให้โจทย์หรือเป้าหมายที่เราต้องการจะไปถึง ผิดตั้งแต่ขั้นตอนแรก โดยต้องเป็นการถามคำถามเชิงสถาปนิกที่เจ้าของบ้านอาจจะไม่รู้ว่าต้องการสิ่งเหล่านี้ เช่น ช่องว่างของบ้าน ช่องลม ช่องรับแสง หรือ ประสบการณ์การใช้บ้านที่ต้องการใช้บ้าน จำนวนสมาชิกในบ้าน เป็นต้น เพื่อการออกแบบที่ถูกต้องและอยู่ในงบประมาณ มากไปกว่านั้น สถาปนิกยังต้องสามารถสื่อสารสิ่งเหล่านี้ให้ ช่าง และ บริษัทสร้างบ้านให้เข้าใจตรงกันด้วย

 

ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการมีสถาปนิกร่วมอยู่ในทีม 

 

  • บ้านมีมาตรฐานความปลอดภัย : เพราะสถาปนิกต้องมีความรู้ความเข้าใจมาตรฐานในการก่อสร้างอาคาร บ้านเรือน ให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ให้สามารถอยู่ได้จริงไม่ใช่เพียงแค่หน้าตา ดังนั้น สถาปนิกจะช่วยวางแผนการสร้างและเลือกใช้วัสดุกับบริษัทสร้างบ้านให้เหมาะสมกับดีไซน์และความปลอดภัย 

  • ปัญหาจุกจิกในระยะยาว : ป้องกันปัญหาจุกจิกหมกเม็ดที่บริษัทสร้างบ้านหรือรับเหมาก่อสร้างชอบเก็บไว้แล้วไม่ยอมบอก โดยที่เจ้าของบ้านอาจจะไม่สามารถตรวจสอบเองได้ เช่น น้ำรั่ว บ้านร้าว ผนังฉาบไม่ตรง หรือ เลือกใช้วัสดุที่ไม่เหมาะสมไม่ตรงกับที่ตกลงไว้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

  • สถาปนิกให้มากกว่าแบบบ้าน ( การใช้งานที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานจริงๆ ) : เพราะการออกแบบบ้านนั้นไม่ใช้เพียงแค่ออกแบบความสวยงามแต่คือการออกแบบประสบการณ์ที่ดีให้ตรงกับผู้ใช้งาน เช่น อาจจะเป็นแหล่งพักผ่อนจิตใจที่มีธรรมชาติสีเขียวเป็นหลัก ไม่มีเสียง หรือ มุมมองจากภายนอกมารบกวน

  • บ้านสอดคล้องกับธรรมชาติ : บ้านแต่ละหลัง แต่ละธีมนั้น มีต้นไม้และธรรมชาติที่ต้องการแตกต่างกันไป บ้านบางหลังอาจจะไม่จำเป็นต้องมีสวนสีเขียว แต่บางหลังนั้นก็จำเป็นต้องมีการจัดวางต้นไม้ให้อยู่ในทั่วทั้งบ้านให้ปลอดโปร่งและเข้ากับสไตล์การตกแต่ง

 

ท้ายที่สุดแล้ว สถาปนิกเป็นบุคลากรที่สำคัญ ดังนั้นสถาปนิกควรทำงานร่วมกับบริษัทสร้างบ้าน โดยเริ่มจากการรับฟังความต้องการของเจ้าของบ้าน จากนั้นจึงออกแบบบ้านตามโจทย์ที่ได้รับ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น พื้นที่ใช้สอย รูปแบบของบ้าน วัสดุก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เป็นต้น สถาปนิกยังช่วยควบคุมงบประมาณและสื่อสารความคาดหวังของเจ้าของบ้านให้กับบริษัทสร้างบ้าน ฉะนั้นหากอยากให้การสร้างบ้านมีประสิทธิภาพ ดีไซน์ตรงใจ ฟังก์ชั่นครบครัน การจ้างสถานปนิกเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าแน่นอน