สร้างบ้านอย่างไรให้ช่วยประหยัดค่าไฟ

สร้างบ้านอย่างไรให้ช่วยประหยัดค่าไฟ 

    หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังจะสร้างบ้านแน่นอนว่าต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นมากมายในการสร้างบ้านครั้งนี้ วันนี้ Conventure บริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำในเมืองไทย ที่ให้บริการรับสร้างบ้านในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงได้นำเอาเกร็ดความรู้เล็ก ๆ เกี่ยวกับการสร้างบ้านที่ช่วยให้บ้านเย็นชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี ที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟถึงแม้ว่าอากาศประเทศไทยจะร้อนขนาดไหน ด้วยเท๕นิคการสร้างบ้านเหล่านี้บ้านของคุณก็จะเย็น และมีอากาศถ่ายเทโล่งโปร่งสบายตลอดปี

7 เทคนิคสร้างบ้านแบบประหยัดค่าไฟ 

1. เลือกสร้างบ้านในที่ดิน 50 ตารางวาขึ้นไป
   การสร้างบ้านที่ประหยัดพลังงานควรสร้างในพื้นที่ที่มีพื้นที่ 50 ตารางวาขึ้นไป หรือวัดพื้นที่ได้ประมาณ 13x16 และบริเวณโดยรอบไม่ควรมีตึกสูง หรืออาคารสูงมากั้น ที่อาจทำให้ลดพัดผ่านได้ไม่สะดวก ทำให้อากาศภายในบ้านของเราไม่สามารถถ่ายเทได้สะดวกเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นจะทำให้เรารู้สึกร้อนและมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างพัดลม และเครื่องปรับอากาศเพิ่มมากขึ้น จนเป็นสาเหตุให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นได้
   
   
2. ใช้รั้วโปร่งเพื่อให้ลมพัดผ่านได้ดี
   นอกจากบ้านจะต้องไม่อยู่ติดกับอาคารสูง หรือตึกสูงแล้ว รั้วบ้านของเราเองก็ไม่ควรเป็นตัวที่มาสกัดกั้นลมไม้ให้พัดผ่านเข้ามาในบ้านของเรา แต่เนื่องด้วยสภาพสังคมในปัจจุบัน การสร้างบ้านที่มีรั้วก็จะทำให้บ้านมิดชิดและปลอดภัยมากกว่า จึงแนะนำให้ใช้รั้วที่เป็นแบบโปร่งแทนเพื่อให้ลมพัดเข้ามาในบ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น
   
   
3. สร้างบ้านในทิศที่เหมาะสม
   สาระน่ารู้อีกหนึ่งข้อสำหรับผู้ที่กำลังสร้างบ้าน คือ ทางทิศใต้และทิศตะวันตก เป็นทิศที่โดนอิทธิพลจากความร้อนเกือบตลอดทั้งปี ราว 8-9 เดือน เพราะฉะนั้นแล้วในการสร้างบ้านจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะสร้างบ้านโดยการหันหน้าเข้าหาทิศทั้งสองทิศนี้ เพราะจะทำให้ภายในบ้านนั้นร้อนตลอดทั้งปี และต้องหันมาพึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นผล
   
   
4. หลีกเลี่ยงการใช้พื้นคอนกรีตในตัวบ้าน
   เพราะพื้นคอนกรีตเป็นพื้นประเภภทที่จะดูดซับความร้อนมากักเก็บไว้ในเวลากลางวัน และจะคายความร้อนเหล่านั้นออกมาในเวลากลางคืน เป็นสาเหตุให้บ้านของคุณต้องเผชิญอยู่กับความร้อนตลอดเวลาส่งผลให้ยิ่งต้องใช้ค่าไฟมากขึ้น
   
   
5. ปลูกต้นไม้เพื่อบังแสงอาทิตย์
   การปลูกต้นไม้ที่ให้ร่มเงาจะช่วยบดบังแสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาในบ้านไม่ให้ร้อนจนเกินไป และในขณะเดียวกันการปลูกต้นไม้ยังมีช่องให้ลมพัดพ่านได้ไม่เหมือนกับการก่อกำแพงสูงเพื่อบังแสงแดด และการมีต้นไม้มาวางคั่นอยู่ตรงกลางยังช่วยกันกระแสลมไม่ให้พัดเข้าบ้านแรงจนเกินไป ต้นไม่ที่เลือกใช้ควรเป็นพันธุ์ไม้ท้องถิ่นเพื่อการดูแลที่ง่าย และเป็นต้นไม้ที่แข็งแรงอยู่คู่กับบ้านได้เป็นเวลานาน แต่ข้อควรระวังคือ ต้องไม่ปลูกต้นไม้เหล่านี้ชิดกับตัวอาคารจนเกินไปเพราะเมื่อกลายเป็นต้นไม้ต้นใหญ่อาจก่อความเสียหายให้กับบ้านได้
   
   
6. วัดวางตู้และชั้นวางให้เหมาะสม
   ตู้และชั้นวางของเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ขาดไม่ได้ในบ้าน ยิ่งบ้านที่มีของเยอะ ยิ่งจะต้องมีตู้กับชั้นวางของเยอะขึ้นเพื่อให้บ้านดูดีมีความเป็นระแบียบเรียบร้อย แต่อย่างไรก็ดีในการวางแผนออกแบบตกแต่งภายใน ควรที่จะจัดวางตู้และชั้นวางให้เหมาะสมกับทิศทางลมและทิศทางแสงแดด เพื่อให้ลมโกรกในบ้านได้อย่างสะดวกและไม่บดบังแสงแดดที่เราต้องการจะใช้ในเวลากลางวัน
   
   
7. ทาสีบ้านด้วยสีอ่อนและเลือกใช้หลังคาสีอ่อน
   การเลือกใช้สีสำหรับทาบ้านหรือสีของหลังคาเองก็มีผลต่อค่าความร้อนภายในบ้าน เนื่องจากสีอ่อนและสีเข้มมีสิ่งที่เรียกว่า ค่าดูดซับความร้อน แตกต่างกัน โดยยิ่งสียิ่งเข้มจะยิ่งทำให้ตัวบ้านดูดซับความร้อนเข้ามามากขึ้นเป็นผลให้ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ และพัดลมในเวลากลางวัน ดังนั้นหากให้เลือกใช้สีทาบ้านควรเลือกสีทาบ้านและสีหลังคาที่เป็นสีอ่อน

เลือกบริษัทรับสร้างบ้าน เลือก Conventure 

จะเห็นได้ว่าการสร้างบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากต้องเลือกดีไซน์ ดูงบประมาณแล้วยังต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย การสร้างบ้านที่ประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าไฟก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องคำนึงถึงเพราะต้องมองถึงประโยชน์ในระยะยาว ดังนั้นคงจะง่ายกว่าหากเลือกใช้บริษัทรับสร้างบ้านที่ไว้ใจได้ และคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ไว้อยู่แล้ว ที่ คอนเวนเจอร์ ด้วยประการณ์การเป็นบริษัทรับสร้างบ้านมายาวนานกว่า 30 ปี เราเข้าใจทุกความต้องการของคนอยากมีบ้าน หากคุณกำลังสนใจที่จะสร้างบ้านเป็นของตัวเองสักหนึ่งหลัง อย่าลืมที่จะมองมาที่เรา